วันแห่งความรักวาเลนไทน์ Valentine's day หนุ่มสาวคู่รักหลายคู่คงเตรียมของขวัญให้กับคนรักเพื่อเป็นการต้อนรับ เทศกาลวันวาเลนไทน์ 14 กุมภาพันธ์ที่หลายคู่ยึดวันนี้เป็นการแสดงความรักต่อกัน ไม่ว่าจะเป็นการให้ของขวัญ ดอกไม้ หรือช็อกโกแลต ในวันวาเลนไทน์นี้

สื่อที่ทุกคนใช้แทนในความรัก

แล้วทำไมวันวาเลนไทน์ต้องให้ดอกกุหลาบด้วย ????? เพราะว่ากุหลาบมีมาตั้งแต่สมัยโบราณกาลแล้วล่ะ จึงทำให้ความสวยงามของดอกและกลิ่นอันชวนพิสมัยของราชินีแห่งดอกไม้นี้เป็นที่เลื่องลือมาช้านาน และล้วนกล่าวถึงความงามเป็นสื่อที่แสดงถึงความสุข ความมีไมตรีจิต ความน่ารัก ความสวยงาม การบูชา และการเกี้ยวพาราสี  ดังนั้น กุหลาบจึงเป็นเสมือนตัวแทนแห่งความรัก และความอมตะ  จนมีตำนานกล่าวขานกันต่างๆ นานา ตั้งแต่สมัยกรีก ตำนานเล่าว่า “คลอรีส” เทพธิดาแห่งดอกไม้ได้บันดาลให้ร่างของนางไม้กลายเป็นกุหลาบและยกให้เป็นราชินีของดอกไม้ จากนั้นต่อมาก็มีการมอบดอกกุหลาบแก่ “อีรอส” ลูกชาย ซึ่งเป็นเทพแห่งความรัก   ส่วนในศาสนาคริสต์เชื่อกันว่า ในสมัยที่พระเยซูถูกตรึงไว้ไม้กางเขนอยู่นั้น พระโลหิตได้ไหลหยดลงบนต้นหญ้ามอสส์และได้ยังเกิดเป็นต้นกุหลาบที่มีดอกสีแดงสด จึงมีการเรียกขานกุหลาบชนิดนี้ว่า “กุหลาบมอสส์”  นอกจากนี้ยังมีการสู้รบกันระหว่าง 2 ตระกูลใหญ่ คือราชวงศ์ยอร์ค ซึ่งใช้สัญลักษณ์เป็นดอกกุหลาบ และราชวงศ์แลงแคสเตอร์ ใช้ดอกกุหลาบแดงเป็นสัญลักษณ์และได้เรียกสงครามครั้งนี้ว่า “สงครามกุหลาบ” ซึ่งเกิดขึ้นในปี พ.ศ. 1948-2028 และในสมัยต่อมา  พวกกุหลาบแดงได้มาแต่งงานกับพวกกุหลาบขาว ซึ่งในปัจจุบันกุหลาบได้ถือเป็นดอกไม้ประจำชาติของชาวอังกฤษไป ถ้าทุกคนมีความรักให้แก่กันแล้วโลกจะสงบสุขแน่นอน ใช่แล้ว!! ช็อกโกแลต หลายครั้งที่คู่รักมักซื้อของสิ่งนี้ให้กับคนรัก เช่นเดียวกับ โรงแรมคอนราด ที่ได้เชฟฝีมือดีอย่างนายสลาเว็ก โกลาเอสกี้ ชาวโปแลนด์ พ่อครัวใหญ่ที่ปิ๊งไอเดียสุดบรรเจิดมารังสรรค์งานฝีมือประดิษฐ์"กุหลาบช็อกโกแลต" ซึ่งแต่ละดอกมีความยาว 50 เซนติเมตร ทานได้ตั้งแต่ตัวดอกไปจนสุดปลายก้านโดยทำจากช็อกโกแลตดำอาร์ริบา (Arriba Chocolate) จากประเทศเอกวาดอร์ มีคุณสมบัติพิเศษคือมีกลิ่นหอมของดอกไม้ รสชาติขมนุ่มลิ้น และที่สำคัญมีไขมันต่ำด้วย เชฟสลาเว็กบอกว่า ช็อกโกแลตเป็นของขวัญที่นิยมให้กันเพื่อแสดงถึงความรัก ในขณะเดียวกันดอกกุหลาบก็ยังคงเป็นสัญลักษณ์อมตะสำหรับเทศกาลวาเลนไทน์ จะมีอะไรดีไปกว่าการรวมทั้งสององค์ประกอบนี้ให้เป็นของขวัญสุดพิเศษในชิ้นเดียวกัน "นอกจากนี้ช็อกโกแลตยังมีคุณสมบัติพิเศษด้วย คือเมื่อทานแล้วจะช่วยให้คลายความซึมเศร้าได้ เพราะช็อกโกแลตมีสารตัวหนึ่งที่ทำให้เกิดความรู้สึกสดชื่น หายเหนื่อยคลายเครียด และแอ๊คทีฟขึ้นมาทันที รวมทั้งถ้าผู้ใหญ่ให้ช็อกโกแลตกับเด็ก ถือว่าเป็นการสร้างจุดเริ่มต้นความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ซึ่งเด็กจะพอใจมากเมื่อได้รับช็อกโกแลตเป็นของขวัญ" เรียกได้ว่าช่วยสร้างความผ่อนคลายแล้ว ยังช่วยเสริมความสัมพันธ์อีกด้วย แล้วรู้หรือไม่? การให้ช็อกโกแลตแก่คนรักนั้นมีความหมายแฝงอยู่ในนั้นด้วย เพราะการให้ช็อกโกแลตกันในวันสำคัญอย่างวันวาเลนไทน์ คนต่างประเทศถือว่าเป็นการมอบสิ่งที่แทนความรู้สึกที่ดีทั้งหมดของผู้ให้ส่งถึงผู้รับ และถ้าเป็นช็อกโกแลตที่ทำขึ้นพิเศษมอบให้กันในวันวาเลนไทน์จะเป็นการบอกถึงความชัดเจนว่า "รัก" และมี "ความปรารถนาที่ดีต่อกัน" และยังถือว่าการให้ช็อกโกแลตยังเป็นการแสดงความรักแก่คนรักนอกจากการให้ดอกกุหลาบอีกด้วย

แล้วทำไมวันวาเลนไทน์ต้องให้ดอกกุหลาบด้วย ????? เพราะว่ากุหลาบมีมาตั้งแต่สมัยโบราณกาลแล้วล่ะ จึงทำให้ความสวยงามของดอกและกลิ่นอันชวนพิสมัยของราชินีแห่งดอกไม้นี้เป็นที่เลื่องลือมาช้านาน และล้วนกล่าวถึงความงามเป็นสื่อที่แสดงถึงความสุข ความมีไมตรีจิต ความน่ารัก ความสวยงาม การบูชา และการเกี้ยวพาราสี  ดังนั้น กุหลาบจึงเป็นเสมือนตัวแทนแห่งความรัก และความอมตะ  จนมีตำนานกล่าวขานกันต่างๆ นานา ตั้งแต่สมัยกรีก ตำนานเล่าว่า “คลอรีส” เทพธิดาแห่งดอกไม้ได้บันดาลให้ร่างของนางไม้กลายเป็นกุหลาบและยกให้เป็นราชินีของดอกไม้ จากนั้นต่อมาก็มีการมอบดอกกุหลาบแก่ “อีรอส” ลูกชาย ซึ่งเป็นเทพแห่งความรัก   ส่วนในศาสนาคริสต์เชื่อกันว่า ในสมัยที่พระเยซูถูกตรึงไว้ไม้กางเขนอยู่นั้น พระโลหิตได้ไหลหยดลงบนต้นหญ้ามอสส์และได้ยังเกิดเป็นต้นกุหลาบที่มีดอกสีแดงสด จึงมีการเรียกขานกุหลาบชนิดนี้ว่า “กุหลาบมอสส์”  นอกจากนี้ยังมีการสู้รบกันระหว่าง 2 ตระกูลใหญ่ คือราชวงศ์ยอร์ค ซึ่งใช้สัญลักษณ์เป็นดอกกุหลาบ และราชวงศ์แลงแคสเตอร์ ใช้ดอกกุหลาบแดงเป็นสัญลักษณ์และได้เรียกสงครามครั้งนี้ว่า “สงครามกุหลาบ” ซึ่งเกิดขึ้นในปี พ.ศ. 1948-2028 และในสมัยต่อมา  พวกกุหลาบแดงได้มาแต่งงานกับพวกกุหลาบขาว ซึ่งในปัจจุบันกุหลาบได้ถือเป็นดอกไม้ประจำชาติของชาวอังกฤษไป ถ้าทุกคนมีความรักให้แก่กันแล้วโลกจะสงบสุขแน่นอน ใช่แล้ว!! ช็อกโกแลต หลายครั้งที่คู่รักมักซื้อของสิ่งนี้ให้กับคนรัก เช่นเดียวกับ โรงแรมคอนราด ที่ได้เชฟฝีมือดีอย่างนายสลาเว็ก โกลาเอสกี้ ชาวโปแลนด์ พ่อครัวใหญ่ที่ปิ๊งไอเดียสุดบรรเจิดมารังสรรค์งานฝีมือประดิษฐ์"กุหลาบช็อกโกแลต" ซึ่งแต่ละดอกมีความยาว 50 เซนติเมตร ทานได้ตั้งแต่ตัวดอกไปจนสุดปลายก้านโดยทำจากช็อกโกแลตดำอาร์ริบา (Arriba Chocolate) จากประเทศเอกวาดอร์ มีคุณสมบัติพิเศษคือมีกลิ่นหอมของดอกไม้ รสชาติขมนุ่มลิ้น และที่สำคัญมีไขมันต่ำด้วย เชฟสลาเว็กบอกว่า ช็อกโกแลตเป็นของขวัญที่นิยมให้กันเพื่อแสดงถึงความรัก ในขณะเดียวกันดอกกุหลาบก็ยังคงเป็นสัญลักษณ์อมตะสำหรับเทศกาลวาเลนไทน์ จะมีอะไรดีไปกว่าการรวมทั้งสององค์ประกอบนี้ให้เป็นของขวัญสุดพิเศษในชิ้นเดียวกัน "นอกจากนี้ช็อกโกแลตยังมีคุณสมบัติพิเศษด้วย คือเมื่อทานแล้วจะช่วยให้คลายความซึมเศร้าได้ เพราะช็อกโกแลตมีสารตัวหนึ่งที่ทำให้เกิดความรู้สึกสดชื่น หายเหนื่อยคลายเครียด และแอ๊คทีฟขึ้นมาทันที รวมทั้งถ้าผู้ใหญ่ให้ช็อกโกแลตกับเด็ก ถือว่าเป็นการสร้างจุดเริ่มต้นความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ซึ่งเด็กจะพอใจมากเมื่อได้รับช็อกโกแลตเป็นของขวัญ" เรียกได้ว่าช่วยสร้างความผ่อนคลายแล้ว ยังช่วยเสริมความสัมพันธ์อีกด้วย แล้วรู้หรือไม่? การให้ช็อกโกแลตแก่คนรักนั้นมีความหมายแฝงอยู่ในนั้นด้วย เพราะการให้ช็อกโกแลตกันในวันสำคัญอย่างวันวาเลนไทน์ คนต่างประเทศถือว่าเป็นการมอบสิ่งที่แทนความรู้สึกที่ดีทั้งหมดของผู้ให้ส่งถึงผู้รับ และถ้าเป็นช็อกโกแลตที่ทำขึ้นพิเศษมอบให้กันในวันวาเลนไทน์จะเป็นการบอกถึงความชัดเจนว่า "รัก" และมี "ความปรารถนาที่ดีต่อกัน" และยังถือว่าการให้ช็อกโกแลตยังเป็นการแสดงความรักแก่คนรักนอกจากการให้ดอกกุหลาบอีกด้วย

แล้วทำไมวันวาเลนไทน์ต้องให้ดอกกุหลาบด้วย ?????

เพราะว่ากุหลาบมีมาตั้งแต่สมัยโบราณกาลแล้วล่ะ จึงทำให้ความสวยงามของดอกและกลิ่นอันชวนพิสมัยของราชินีแห่งดอกไม้นี้เป็นที่เลื่องลือมาช้านาน และล้วนกล่าวถึงความงามเป็นสื่อที่แสดงถึงความสุข ความมีไมตรีจิต ความน่ารัก ความสวยงาม การบูชา และการเกี้ยวพาราสี 

ดังนั้น กุหลาบจึงเป็นเสมือนตัวแทนแห่งความรัก และความอมตะ  จนมีตำนานกล่าวขานกันต่างๆ นานา ตั้งแต่สมัยกรีก

ตำนานเล่าว่า

“คลอรีส” เทพธิดาแห่งดอกไม้ได้บันดาลให้ร่างของนางไม้กลายเป็นกุหลาบและยกให้เป็นราชินีของดอกไม้ จากนั้นต่อมาก็มีการมอบดอกกุหลาบแก่ “อีรอส” ลูกชาย ซึ่งเป็นเทพแห่งความรัก
 

ส่วนในศาสนาคริสต์เชื่อกันว่า ในสมัยที่พระเยซูถูกตรึงไว้ไม้กางเขนอยู่นั้น พระโลหิตได้ไหลหยดลงบนต้นหญ้ามอสส์และได้ยังเกิดเป็นต้นกุหลาบที่มีดอกสีแดงสด จึงมีการเรียกขานกุหลาบชนิดนี้ว่า “กุหลาบมอสส์” 

นอกจากนี้ยังมีการสู้รบกันระหว่าง 2 ตระกูลใหญ่ คือราชวงศ์ยอร์ค ซึ่งใช้สัญลักษณ์เป็นดอกกุหลาบ และราชวงศ์แลงแคสเตอร์ ใช้ดอกกุหลาบแดงเป็นสัญลักษณ์และได้เรียกสงครามครั้งนี้ว่า “สงครามกุหลาบ” ซึ่งเกิดขึ้นในปี พ.ศ. 1948-2028 และในสมัยต่อมา  พวกกุหลาบแดงได้มาแต่งงานกับพวกกุหลาบขาว ซึ่งในปัจจุบันกุหลาบได้ถือเป็นดอกไม้ประจำชาติของชาวอังกฤษไป ถ้าทุกคนมีความรักให้แก่กันแล้วโลกจะสงบสุขแน่นอน

ใช่แล้ว!! ช็อกโกแลต หลายครั้งที่คู่รักมักซื้อของสิ่งนี้ให้กับคนรัก เช่นเดียวกับ โรงแรมคอนราด ที่ได้เชฟฝีมือดีอย่างนายสลาเว็ก โกลาเอสกี้ ชาวโปแลนด์ พ่อครัวใหญ่ที่ปิ๊งไอเดียสุดบรรเจิดมารังสรรค์งานฝีมือประดิษฐ์"กุหลาบช็อกโกแลต" ซึ่งแต่ละดอกมีความยาว 50 เซนติเมตร ทานได้ตั้งแต่ตัวดอกไปจนสุดปลายก้านโดยทำจากช็อกโกแลตดำอาร์ริบา (Arriba Chocolate) จากประเทศเอกวาดอร์ มีคุณสมบัติพิเศษคือมีกลิ่นหอมของดอกไม้ รสชาติขมนุ่มลิ้น และที่สำคัญมีไขมันต่ำด้วย


เชฟสลาเว็กบอกว่า ช็อกโกแลตเป็นของขวัญที่นิยมให้กันเพื่อแสดงถึงความรัก ในขณะเดียวกันดอกกุหลาบก็ยังคงเป็นสัญลักษณ์อมตะสำหรับเทศกาลวาเลนไทน์ จะมีอะไรดีไปกว่าการรวมทั้งสององค์ประกอบนี้ให้เป็นของขวัญสุดพิเศษในชิ้นเดียวกัน

"นอกจากนี้ช็อกโกแลตยังมีคุณสมบัติพิเศษด้วย คือเมื่อทานแล้วจะช่วยให้คลายความซึมเศร้าได้
เพราะช็อกโกแลตมีสารตัวหนึ่งที่ทำให้เกิดความรู้สึกสดชื่น หายเหนื่อยคลายเครียด และแอ๊คทีฟขึ้นมาทันที รวมทั้งถ้าผู้ใหญ่ให้ช็อกโกแลตกับเด็ก ถือว่าเป็นการสร้างจุดเริ่มต้นความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ซึ่งเด็กจะพอใจมากเมื่อได้รับช็อกโกแลตเป็นของขวัญ"

เรียกได้ว่าช่วยสร้างความผ่อนคลายแล้ว ยังช่วยเสริมความสัมพันธ์อีกด้วย


แล้วรู้หรือไม่? การให้ช็อกโกแลตแก่คนรักนั้นมีความหมายแฝงอยู่ในนั้นด้วย เพราะการให้ช็อกโกแลตกันในวันสำคัญอย่างวันวาเลนไทน์ คนต่างประเทศถือว่าเป็นการมอบสิ่งที่แทนความรู้สึกที่ดีทั้งหมดของผู้ให้ส่งถึงผู้รับ และถ้าเป็นช็อกโกแลตที่ทำขึ้นพิเศษมอบให้กันในวันวาเลนไทน์จะเป็นการบอกถึงความชัดเจนว่า "รัก" และมี "ความปรารถนาที่ดีต่อกัน" และยังถือว่าการให้ช็อกโกแลตยังเป็นการแสดงความรักแก่คนรักนอกจากการให้ดอกกุหลาบอีกด้วย